ชีวิตของนักเรียนหรือพนักงานออฟฟิศมีลักษณะคล้ายกัน นั่งเป็นส่วนใหญ่ ขึ้นลิฟต์บ้าง เดินบ้าง ใช้แรงกายไม่มากนัก แต่พอตกเย็นกลับหมดแรง รู้สึกเหนื่อย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำงานที่ใช้พลังกล้ามเนื้อมากนัก เคยสงสัยไหมว่าเราเหนื่อยเพราะอะไร?
นักจิตวิทยาและนักวิจัยด้านสมองชี้ว่า ความคิดมีอยู่สองแบบ — ความคิดที่ตั้งใจ กับความคิดที่ไม่ตั้งใจ ความคิดที่ตั้งใจ เช่น เวลาทำการบ้าน เขียนรายงาน หรือคิดแก้ปัญหางาน ส่วนความคิดที่ไม่ตั้งใจ คือความคิดที่ไหลไปเรื่อย คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้แบบสะเปะสะปะ โดยเราไม่ค่อยรู้ตัว และหยุดมันไม่ได้ ความคิดแบบนี้เองที่ทำให้เราหมดพลัง
การที่เราสามารถ “เห็น” ว่าตอนนี้กำลังคิดอยู่ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะทันทีที่รู้ เราจะไม่เผลอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับมัน เราไม่จำเป็นต้องไปต่อบทสนทนากับความคิดนั้น แต่หันกลับมาสนใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่แทน เช่น เวลาพิมพ์งาน ก็อยู่กับการพิมพ์ เวลาก้าวเดิน ก็รู้สึกตัวที่การก้าวเดิน วิธีนี้ช่วยให้เราหลุดจากการหมุนวนของความคิด และประหยัดพลังใจไปได้มาก
จริงๆ แล้วงานวิจัยก็ยืนยันว่า ความคิดเป็นสิ่งที่ใช้พลังงานมหาศาล มีรายงานจากสหรัฐเมื่อราวยี่สิบปีก่อนบอกว่า คนเราคิดวันละเฉลี่ยกว่า 60,000 ครั้ง หมายความว่าในหนึ่งวัน เรามีเวลาที่สมอง “ไม่คิดอะไรเลย” น้อยมาก การปล่อยให้ความคิดเตลิดจึงเปลืองพลังงานมาก ทั้งเวลา อารมณ์ และสุขภาพ ลองสังเกตดูสิ หลายครั้งที่ความคิดฟุ้งทำให้เรานอนไม่หลับ และยิ่งทำให้ร่างกายเหนื่อยสะสมเข้าไปอีก
ดังนั้น หากไม่อยากเหนื่อยเกินไป เราไม่จำเป็นต้องหยุดความคิด แต่เพียงแค่ไม่ไปสมรู้ร่วมคิดกับมัน ปล่อยให้มันไหลไป โดยเราเลือกอยู่กับสิ่งที่ตั้งใจทำจริงๆ ผลลัพธ์คือความเหนื่อยน้อยลง และบางครั้งอาจพบว่าหัวใจสงบจนไม่ต้องถอนหายใจโล่งๆ มาหลายวัน ความรู้สึกแบบนั้นคือความสุขอย่างหนึ่งทีเดียว
ฝึก “จุดเล็กๆ” ให้ใจอยู่กับปัจจุบัน
เราไม่จำเป็นต้องรอไปนั่งสมาธิในห้องเงียบๆ เสมอไป สิ่งที่เรียกว่าการฝึกสมาธิเล็กๆ ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงเลือกกิจกรรมหนึ่ง แล้วเอาใจมาอยู่กับกิจกรรมนั้นจริงๆ
ตัวอย่างเช่น
- ตอนแปรงฟัน ให้รู้สึกถึงการขยับมือ การสัมผันของแปรงกับฟันทีละด้าน
- ตอนเหลาดินสอ หรือทำกับข้าว ให้เอาใจมาอยู่กับการขยับมือ การตัด การหั่น
- ตอนขึ้นบันได ให้รู้สึกถึงการก้าวเท้า การยกตัว
หลักการคือ “อยู่กับการเคลื่อนไหวของร่างกาย” เมื่อความคิดฟุ้งเข้ามา ก็ไม่ต้องไปต่อบท ปล่อยมันไหลไป แล้วพากลับมาอยู่กับร่างกายและงานที่ทำ
ขั้นตอนง่ายๆ
- เลือกกิจกรรมเล็กๆ เช่น แปรงฟัน ชงกาแฟ ก้าวขึ้นบันได หั่นผัก
- ตั้งใจอยู่กับการเคลื่อนไหวนั้นๆ รู้สึกให้ชัดว่ามือทำอะไร เท้า ก้าวอย่างไร
- เมื่อความคิดโผล่ขึ้นมา ไม่ไหลไปกับมัน แต่กลับมาอยู่กับการเคลื่อนไหว
พอไม่ไปผสมโรงกับความคิดฟุ้งๆ เราจะเหลือพลังมากขึ้น และใจเบาลงอย่างไม่น่าเชื่อ